วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552



ขึ้น เวที งาน มหกรรม ของ จิตปัญญาศึกษา ม มหิดล

รร รามาการ์เด้น

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

My Paintings

สี อครีลิก
สีอครีลิก


ภาพ สีน้ำมัน หัดใช้เกียง วาดดูเล่นๆ


วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เต้นรำ เพื่อ ดูความคิด


Dancing : watching your thought while you are dancing


Cut out your thinking about "the past" your memories of someone dancing style.

Cut out your thinking about "the future" dont'worry about your ugly way dancing.


Pay attention to your body movement , free your mind , free your heart and keep watching your body.


This is vipassana during dancing.


Try to understand how your mind & heart working & influencing each other.



วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Try vegetarian food











Sea weed + sesami oil









Tofu

เกี๊ยวซ่าเจ


วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Happy Makha BooCha Day Full Moon

Full moon of the third month (Lunar calendar) every year is Makhaboocha Day.
1250 monks came back to see the great teacher Buddha ,
2552 years ago at Veruwan , Rajjakrut, Ancient india.
ที่ ร่มธรรม เป็นครั้งแรก ที่เรา เวียนเทียน รอบ พระพุทธรูปปางนาคปรก กลางแจ้ง ทั้งๆที่ยังทำไม่เสร็จ


วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ลงสู่ใจ ได้ปัญญา






จิง ชี่ เสิน








จิง = ลงสู่ใจ คิดสู่ใจ หรือ โอปนยิโก นั่นเอง

Jing = keep watching your Jitta , always awaring of your Jitta

If you think too much , stop that thinking and then calm down until your jitta is not shaking

If you think badly or glady, please calm down.

Don't think whenever your Jitta is working or shaking

Please think only when your Jitta is not working or stopping.

"จิตสงบปัญญาเกิด จิตเตลิดปัญญาหาย

เอาสติมาคุมจิตและคุมกาย ผ่อนคลาย สบายๆ ได้ปัญญา"

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

16 th Tea Party with Dr Woraphat

Practicing SATI by using Dialogue.

This time, many newcomers joined the party.

In the picture, they were sharing about what i just taught them on The 5 Piles (Khaun 5)

ตอนเช้า ก็ให้ รู้จัก ฐานกาย ฐานใจ ฐานคิด

และ พูดเรื่อง จิต สติ ความคิด

แยกแยะ จิต กับ ความคิด ออกจากกัน อย่าให้มีอิทธิพลต่อกัน
ปุถุชน ใช้ ความคิดและจิต พร้อมๆกัน แต่ พระอริยเจ้า ใช้ สติ ไปคุมความคิด และ แยกจิตออกมา จิตเลยว่างๆ

มือใหม่ ต้อง ให้เห็น ว่า จิต ความคิด ทำงานแยกกันอย่างไร ให้ได้สะก่อน

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552

SATI practicing in the graveyard




Late night , dark and cool , we visited a funeral pyre at Wat Pa Dham Uttayarn, Khon kaen


ฝึกสติ ด้วยการพาไป ทัศนศึกษา เมรุเผาศพ


ฝึกพิจารณา การตาย "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"




จากนั้น ก็แยกย้าย ไป นั่งกันที่ หลุมศพ นั่งคนเดียว เดือนมืด ข้างแรม ดึกสงัด
จุดเทียน ๑ เล่ม จุดธูป เพื่อเป็นเพื่อนแก้เหงา
เป้าหมายการฝึก คือ ดูจิต ดูความคิด ว่าเข้าทำงานร่วมกัน อย่างไร
ความคิดปรุงแต่งจิตเป็นอย่างไร จิตเกิดอาการแล้วกายเป็นอย่างไร ความคิดตอนจิตเกิดเป็นอย่างไร
ได้เห็น เงามืดๆ ไหวๆ เสียงดัง ตุ๊บ เสียงลากดัง กราก ๆๆๆ ....
จินตนาการ .... ทำงาน
หนังผีที่เคยดู
คำสอน คำขู่ เรื่องผีๆ ผุดออกมา ....
จิตเกิด จะแก้อย่างไร
ป่าช้า มันช้าพอที่จะทำให้เราเห็นความคิด เห็นจิตได้ชัดๆ
กลับ ไปบ้าน กลับไปที่ทำงาน มันเป็น ป่าเร็ว

บวชทำไม Why entering monkhood ?


When a man is becoming a monk ?
You will never know what a life of monk is until you have a chance to be a monk at least a week or two.
At Wat Pa Dham Uttayarn , Khon-kaen
ในภาพ ... พระเหมียว ... สนทนาธรรมกับผม โดยมี ทิดเจมส์ ร่วมแจมด้วย
ส่วนเจ้าเก๋ นอนหมดแรงฟัง เพราะ เพิ่งให้นมลูก ๙ ตัวของมันมาหมาดๆ

วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2552

Dialogue Interview as Internal Audit



System audit such as ISO / HACCP ,nowaday is going into a terible way.
Many audit make people (employee) hate the system , hate the auditors and finally hate the organization.

I-in-it and I-in-me are the normal social fields during the audit. These auditors need improvement.

Dialogue interview is a new way to enchance both producitivity and learning in the organization.

Dialogue Interview (DI) สุนทรียสนทนา เพื่อพัฒนาองค์กร

หลายคน เจอ ความอหังการ บ้าเลือดของเหล่าผู้ตรวจประเมิน มาเยอะมาก จนเกลียดทุกระบบ ที่ต้องมาตรวจ ตั้งแต่ 5s / ISO / GMP / HACCP / TPM ฯลฯ เพราะ พวกตรวจประเมิน นี่แหละ ตรวจไม่เป็น แถมยัง ถ่ายทอด วิชาเพี้ยนๆ ต่อกันมาเป็นรุ่นๆ ...... งานได้ผลเล็กน้อย คนเสียหายมากมาย ... คนโดนตรวจ เรียนรู้ ที่จะ หลบ พูดน้อย โกหก ฯลฯ

การตรวจประเมินนั้น คนตรวจต้องผ่านการฝึก deep listening มาเยอะๆ ฝึกดูจิต ฝึกการเป็นกระบวนกร (Facilitator) มาพอสมควร รู้จักการพาคนในวง เข้าสู่ I-in-you ได้

ตอนนี้ ยิ่งตรวจ ยิ่งแค้น ยิ่งตรวจยิ่งเกลียด ..... ยิ่งตรวจ ยิ่งหลงตนเอง ....

ในการทำ DI ..... ผมได้ปนๆเอา การทำ Ohno cycle ลงไปด้วย คือ ให้ ทั้ง Auditor (คนตรวจประเมิน) และ Auditee (คนถูกประเมิน) เข้าไปยืนนิ่งๆ ประมาณ ๓๐ นาที ในสถานที่ๆ จะประเมิน

คนที่จะเข้าไปยืนนิ่งๆนี้ ต้องฝึก ภาวนาก่อนนะครับ ดูจิตเป็นแล้วด้วย ไม่งั้น จะไปยืนแล้วโดนนิวรณ์เล่นงานแน่ๆ (เบื่อ กังวล ฟุ้งซ่าน เครียด ฯลฯ)

การประเมิน แทนที่จะ บ้าเลือด ไล่ถามตาม Checklist แบบเก่า เปลี่ยนมาเป็น วงเล่าเร้าพลัง (Storytelling)

มีการละลายพฤติกรรม กันในวงสนทนากันเล็กน้อย เช่น ร้องเพลง แต่งกลอน กอดกัน จับมือกัน ไปจนถึง อยู่กันเงียบๆ (Silent) สัก 5 นาที หรือ สวดมนต์ ทำสมาธิดูลมหายใจ ....

คุยกันไปเรื่อยๆ ชวนคุย พูดทีละคน อย่าแย่งกัน

เข้าสู่ Flow เพื่อให้ เกิดการ spark .... Flow คือ คุยกันแล้ว ไหลลื่น ไม่ขัดใจกัน ทำตัวเป็น wave เพราะ ถ้าติดขัด จะกลายเป็น particle

ที่ติดขัด ก็เพราะ ความคิดปรุงแต่ง อัตตา มันเข้ามาป่วน wave เลยกลายเป็น particle หรือ จากสงบๆ จาก ความว่าง (space อวกาศ นามธรรม จิตว่างๆ วิมุติ ) โดยการปรุงแต่ง ยึดมั่น ถือมั่น กลายมาเป็น ดวงดาว เป็นรูปธรรม จิตไม่ว่าง เป็นสมมติ )

การล้อมวงคุย แบบนี้ จะเปิด หู เปิดตา และ เปิดใจ (Open mind, open heart) .... เมื่อจิตสงบ ปัญญาเกิด .... ทุกคนจะเกิดแนวคิด ผุดขึ้นมา (spark) ทั้ง ผู้บริหาร คนถาม คนฟัง คนจด เจ้านาย คนสังเกตการณ์ และ คนโดนประเมิน (เจ้าของกระบวนการ ซึ่ง มีหลายแผนก หลายฝ่าย) ... นี่แหละ นำไปสู่นวตกรรม นำไปสู่ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เนียนๆ นุ่มๆ (Kaizen)..... " งานได้ผล คนได้พัฒนา"

เมื่อจะปิดการล้อมวง (Closing meeting) เราก็จะ ร่วมกัน เขียน What to do ด้วยกัน ทั้งวงเลย ทั้งคนโดนประเมิน และ คนประเมิน ว่าเราจะทำอะไรต่อไป เราเรียนรู้อะไร เรายังไม่รู้อะไร เราเปิดแรงใจเราออกมา (Open will)

การทำ DI เป็นอย่างไร ก็ลองๆเอาไปทำดู ได้ผลอย่างไร จะรู้เอง มันมากเกินกว่าจะบรรยายครับ




วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2552

Ohno Circle--Watch and think for yourself


ผมชอบ เรื่อง วงกลม Ohno อ่านเหมือน ชื่อ โยโกะ โอโนะ หรือ ที่ John Lennon ร้องลั่นว่า "Oh !...no.."

แต่ นี่คนละคนกันครับ คนนี้คือ คุณ Ohno Taiichi ผู้คิดค้นระบบ TPS (Toyota Production System)

เรื่องของ วงกลมโอโนะ นี้อยู่ในหลักการ Principle 12: Go and see by yourself
เขียนวงกลมที่พื้น ในหน้างาน ในพื้นที่ทำงานจริงๆ

คนที่ Toyota ระดับบริหาร คือ คุณ Minuora เคยยืนนาน ถึง 8 ชั่วโมง เพื่อ มองไปรอบๆ และ ก็สังเกตๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (The power of deep observation)

แต่ คนอเมริกันที่โรงงาน Toyota ยืนได้แค่ 30 นาที ก็เบื่อแล้วครับ ที่เมืองไทยผมไม่แน่ใจว่า ยืนกี่นาที และ เคยทำก็หรือเปล่านะ

ในขณะที่ยืน คนเดียวนานๆแบบนี้ เริ่มบ่ายโมง คุณ Ohno ก็จะแวะมาถามคุณ Minuora ตอนเย็นๆ และ แวะมาเยี่ยมอีกที ตอนก่อนอาหารเย็น

คุณ Ohno ถามว่า คุณเห็นอะไร ? คำว่าเห็น ภาษาอังกฤษ คือ See ผมไม่แน่ใจว่า แปลว่า เห็น หรือ เข้าใจ แต่ คาดว่า น่าจะแปลว่า "เข้าใจ" อะไรสะมากกว่า
แต่ ถามแล้ว ก็ไม่ได้รอคำตอบ ทั้งสองครั้ง แค่ถาม แต่ คุณ Ohno ก็ไม่ฟังคำตอบ

การได้มายืนในวงแบบนี้ ถือว่าเป็น เกียรติ เป็นการฝึกฝนให้ได้ sensing

การอยู่ในวงก็เพื่อ ตั้งคำถาม วิเคราะห์ และ ประเมิน

ทุกวันนี้ ผู้บริหารมากมาย จดจ่ออยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ในห้องทำงาน ดูข้อมูล (data) และ สถิติต่างๆ ทำแม้นแต่ สถิติขั้นสูง เช่น Six sigma ... ซึ่ง Ohno ถามว่า ทำสถิติมากมายปานนั้น ข้อมูลเยอะขนาดนั้น คุณเข้าใจบริบท (context) ตรงหน้างานได้ครบถ้วน จริงหรือ ? แน่ใจนะ ?

ผมนึกถึง คราวที่ไปเยี่ยม ชาวบ้านที่แพรกหนามแดง ชาวบ้านพูดได้กินใจมากว่า "ข้าราชการชอบมาเก็บข้อมูล แต่ ไม่เคยเห็นความจริง"

ผมก็นึกในใจ มันก็เป็นอย่างนี้แหละ พวกเรียนจากการศึกษาในระบบวิทยาศาสตร์เก่า ยุคอุตสาหกรรม มักจะ โดนตีกรอบมาให้ "หลง data" แต่ ขาด Sensing เกี่ยวกับความจริง เรื่อง Sensing นี้ ผมตีความง่ายๆว่า คือ การเฉลียวใจ เอะใจ อะไรประมาณนั้น

หลงสถิติมากๆ ก็เหมือนคนเชื่อหมอดู ตามคำทำนาย แต่ หากเป็นคนที่มี สติ สามารถทำจิตให้ว่างๆ จะเกิดปัญญาญาณ สิ่งที่ทำนายไว้ ก็จะผิดพลาด ฝืนคำทำนายได้เสมอๆ




"Data is of course important in maufacturing , but I place the greatest emphasi on facts."..... Taiichi Ohno

ข้อมูล เป็นอะไรที่ ห่างออกมาจาก ความจริงได้เสมอๆ
ผมเอง ก็ไม่ไว้ใจ "สถิติ"

มันยังมีโอกาสมากมาย ที่ สถิติ ข้อมูลต่างๆ ล้าหลังจากความจริง คับแคบ ซ้ำซาก และ บิดเบือน ไม่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ ทุกแง่มุม

การจะพัฒนางานจึงต้องลงไปดูที่จริง ไปฝึก Sensing ...

ยกตัวอย่าง เช่น ในวงการกีฬา มักทำงานว่า ทีมนั้นทีมนี้ มีสถิติชนะ แพ้ อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ พอเริ่มแข่ง คนดูในสนามจะพบว่า โยนสถิติทิ้งไปได้เลย

หลายๆอย่าง ตัวแปร เป็นเรื่อง ของ จิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก แรงบันดาลใจ ความฮึกเฮิม ปฏิหารย์ ฯลฯ

ใน วิทยาศาสตร์ใหม่ หรือ ขั้นสูง .... จะพบว่า การเอาอดีตมาเป็นตัวแปรวัดอนาคต เป็นเรื่องที่อันตราย เพราะ มันทำให้ ผิดพลาด ผิดแผนแล้ว ยังไม่พัฒนาอีกต่างหาก
ตามสถิติ ทีมฟุตบอลเก่ง จะชนะทีมไม่ดังไม่เก่ง แต่ บ่อยครั้ง ก็พลิกล็อค แพ้ได้ก็มีให้เห็นเรื่อยๆ

วิทยาศาสตร์ใหม่ จะใช้ sensing และ sensing นั้น เป็นเรื่องของการฝึกฝน การทำบ่อยๆ จนเป็นทักษะ

ผมชอบคำที่ว่า "See America , then design for America" นี่คือ การออกแบบรถยนต์ให้เหมาะกับแต่ละประเทศ ซึ่งคำว่า see คือ เข้าใจ เข้าถึง

แต่ ระบบการศึกษาไทย See Thai ? , the design for all Thais" โดย see คือ เห็น แต่ไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง

วันก่อนผมไปที่ หน้างาน (Shop floor) ของโรงงานแห่งหนึ่ง เมื่อสัมภาษณ์พนักงานแล้ว ก็พบว่า พวกเขา อยู่หน้างาน มานานเกือบ 5 ปี ได้ทำงาน แต่ ไม่เข้าใจงาน ไม่ Sense เกี่ยวกับงาน แต่ สามารถทำงานตามคำสั่งได้ ถ้าเจ้านายไม่อยู่พลิกแพลงไม่ได้ และ บ่อยครั้ง เจ้านายก็สั่งผิดพลาดก็มี

สิ่งที่เราขาดไปมากๆ คือ การสังเกต สังเกต สังเกต

ไม่ว่าจะสังเกต สิ่งต่างๆ รอบตัว และ ที่สำคัญ เราไม่ได้เข้าไป สังเกต "จิต" ของเรา ความคิดของเรา กายของเรา ในสภาพจิตต่างๆ

การเข้าไปสังเกตๆๆๆๆๆ ดูจิตของเรา นี่แหละ จะช่วยให้เราพ้นทุกข์

Deep observation on how your Jitta and Thinking work together
Deep observation for the result of Jiita to your thinkings and to your body.

Deep observation on how your inner voice is attacking your Jitta, and vice versa how your shaking Jitta is influencing your thinkings.

วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2552

Buddha stutue at RomDharm








18 Jan 09





















Pra Niyom was busy with masonary work on the tail of the 9 heads Naka