วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2552

Ohno Circle--Watch and think for yourself


ผมชอบ เรื่อง วงกลม Ohno อ่านเหมือน ชื่อ โยโกะ โอโนะ หรือ ที่ John Lennon ร้องลั่นว่า "Oh !...no.."

แต่ นี่คนละคนกันครับ คนนี้คือ คุณ Ohno Taiichi ผู้คิดค้นระบบ TPS (Toyota Production System)

เรื่องของ วงกลมโอโนะ นี้อยู่ในหลักการ Principle 12: Go and see by yourself
เขียนวงกลมที่พื้น ในหน้างาน ในพื้นที่ทำงานจริงๆ

คนที่ Toyota ระดับบริหาร คือ คุณ Minuora เคยยืนนาน ถึง 8 ชั่วโมง เพื่อ มองไปรอบๆ และ ก็สังเกตๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (The power of deep observation)

แต่ คนอเมริกันที่โรงงาน Toyota ยืนได้แค่ 30 นาที ก็เบื่อแล้วครับ ที่เมืองไทยผมไม่แน่ใจว่า ยืนกี่นาที และ เคยทำก็หรือเปล่านะ

ในขณะที่ยืน คนเดียวนานๆแบบนี้ เริ่มบ่ายโมง คุณ Ohno ก็จะแวะมาถามคุณ Minuora ตอนเย็นๆ และ แวะมาเยี่ยมอีกที ตอนก่อนอาหารเย็น

คุณ Ohno ถามว่า คุณเห็นอะไร ? คำว่าเห็น ภาษาอังกฤษ คือ See ผมไม่แน่ใจว่า แปลว่า เห็น หรือ เข้าใจ แต่ คาดว่า น่าจะแปลว่า "เข้าใจ" อะไรสะมากกว่า
แต่ ถามแล้ว ก็ไม่ได้รอคำตอบ ทั้งสองครั้ง แค่ถาม แต่ คุณ Ohno ก็ไม่ฟังคำตอบ

การได้มายืนในวงแบบนี้ ถือว่าเป็น เกียรติ เป็นการฝึกฝนให้ได้ sensing

การอยู่ในวงก็เพื่อ ตั้งคำถาม วิเคราะห์ และ ประเมิน

ทุกวันนี้ ผู้บริหารมากมาย จดจ่ออยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ในห้องทำงาน ดูข้อมูล (data) และ สถิติต่างๆ ทำแม้นแต่ สถิติขั้นสูง เช่น Six sigma ... ซึ่ง Ohno ถามว่า ทำสถิติมากมายปานนั้น ข้อมูลเยอะขนาดนั้น คุณเข้าใจบริบท (context) ตรงหน้างานได้ครบถ้วน จริงหรือ ? แน่ใจนะ ?

ผมนึกถึง คราวที่ไปเยี่ยม ชาวบ้านที่แพรกหนามแดง ชาวบ้านพูดได้กินใจมากว่า "ข้าราชการชอบมาเก็บข้อมูล แต่ ไม่เคยเห็นความจริง"

ผมก็นึกในใจ มันก็เป็นอย่างนี้แหละ พวกเรียนจากการศึกษาในระบบวิทยาศาสตร์เก่า ยุคอุตสาหกรรม มักจะ โดนตีกรอบมาให้ "หลง data" แต่ ขาด Sensing เกี่ยวกับความจริง เรื่อง Sensing นี้ ผมตีความง่ายๆว่า คือ การเฉลียวใจ เอะใจ อะไรประมาณนั้น

หลงสถิติมากๆ ก็เหมือนคนเชื่อหมอดู ตามคำทำนาย แต่ หากเป็นคนที่มี สติ สามารถทำจิตให้ว่างๆ จะเกิดปัญญาญาณ สิ่งที่ทำนายไว้ ก็จะผิดพลาด ฝืนคำทำนายได้เสมอๆ




"Data is of course important in maufacturing , but I place the greatest emphasi on facts."..... Taiichi Ohno

ข้อมูล เป็นอะไรที่ ห่างออกมาจาก ความจริงได้เสมอๆ
ผมเอง ก็ไม่ไว้ใจ "สถิติ"

มันยังมีโอกาสมากมาย ที่ สถิติ ข้อมูลต่างๆ ล้าหลังจากความจริง คับแคบ ซ้ำซาก และ บิดเบือน ไม่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ ทุกแง่มุม

การจะพัฒนางานจึงต้องลงไปดูที่จริง ไปฝึก Sensing ...

ยกตัวอย่าง เช่น ในวงการกีฬา มักทำงานว่า ทีมนั้นทีมนี้ มีสถิติชนะ แพ้ อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ พอเริ่มแข่ง คนดูในสนามจะพบว่า โยนสถิติทิ้งไปได้เลย

หลายๆอย่าง ตัวแปร เป็นเรื่อง ของ จิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก แรงบันดาลใจ ความฮึกเฮิม ปฏิหารย์ ฯลฯ

ใน วิทยาศาสตร์ใหม่ หรือ ขั้นสูง .... จะพบว่า การเอาอดีตมาเป็นตัวแปรวัดอนาคต เป็นเรื่องที่อันตราย เพราะ มันทำให้ ผิดพลาด ผิดแผนแล้ว ยังไม่พัฒนาอีกต่างหาก
ตามสถิติ ทีมฟุตบอลเก่ง จะชนะทีมไม่ดังไม่เก่ง แต่ บ่อยครั้ง ก็พลิกล็อค แพ้ได้ก็มีให้เห็นเรื่อยๆ

วิทยาศาสตร์ใหม่ จะใช้ sensing และ sensing นั้น เป็นเรื่องของการฝึกฝน การทำบ่อยๆ จนเป็นทักษะ

ผมชอบคำที่ว่า "See America , then design for America" นี่คือ การออกแบบรถยนต์ให้เหมาะกับแต่ละประเทศ ซึ่งคำว่า see คือ เข้าใจ เข้าถึง

แต่ ระบบการศึกษาไทย See Thai ? , the design for all Thais" โดย see คือ เห็น แต่ไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง

วันก่อนผมไปที่ หน้างาน (Shop floor) ของโรงงานแห่งหนึ่ง เมื่อสัมภาษณ์พนักงานแล้ว ก็พบว่า พวกเขา อยู่หน้างาน มานานเกือบ 5 ปี ได้ทำงาน แต่ ไม่เข้าใจงาน ไม่ Sense เกี่ยวกับงาน แต่ สามารถทำงานตามคำสั่งได้ ถ้าเจ้านายไม่อยู่พลิกแพลงไม่ได้ และ บ่อยครั้ง เจ้านายก็สั่งผิดพลาดก็มี

สิ่งที่เราขาดไปมากๆ คือ การสังเกต สังเกต สังเกต

ไม่ว่าจะสังเกต สิ่งต่างๆ รอบตัว และ ที่สำคัญ เราไม่ได้เข้าไป สังเกต "จิต" ของเรา ความคิดของเรา กายของเรา ในสภาพจิตต่างๆ

การเข้าไปสังเกตๆๆๆๆๆ ดูจิตของเรา นี่แหละ จะช่วยให้เราพ้นทุกข์

Deep observation on how your Jitta and Thinking work together
Deep observation for the result of Jiita to your thinkings and to your body.

Deep observation on how your inner voice is attacking your Jitta, and vice versa how your shaking Jitta is influencing your thinkings.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น